แพทยศาสตร์เรียนกี่ปี แล้วแต่ละปีต้องเรียนอะไรบ้าง? | Applied Physics
  กลับสู่หน้าบทความ

รู้ก่อนสมัคร! แพทยศาสตร์เรียนกี่ปี แต่ละชั้นปีเรียนอะไรบ้าง?

 19 สิงหาคม 2567 21:58:04
แพทยศาสตร์เรียนกี่ปี แต่ละปีเรียนอะไร

สำหรับน้อง ๆ ที่มีความฝันอยากประกอบอาชีพเป็นหมอ ก้าวแรกของความฝันคือการเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมตัวก่อนการเรียนจริง น้อง ๆ ควรมารู้กันก่อนว่า “คณะแพทยศาสตร์เรียนกี่ปี” และแต่ละชั้นปีมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง!  


แน่นอนว่าก่อนจะเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ได้ หลายคนต้องฝ่าฟันกับความลำบากของการสอบ โดยอาจต้องศึกษาเองอย่างตั้งใจ หรือเลือกเข้าคอร์ส
ติวสอบ TGAT และ TPAT 1 (วิชาเฉพาะ กพสท.) เพื่อให้สามารถก้าวสู่คณะแห่งความฝันได้สำเร็จ ซึ่งถึงแม้การสอบเข้าคณะแพทย์จะเต็มไปด้วยความยากและกดดันแค่ไหน แต่การเรียนอาจหนักหนายิ่งกว่า การศึกษาข้อมูลของเนื้อหาในแต่ละชั้นปีให้ดีจึงอาจช่วยในการตัดสินใจ ให้สามารถเลือกคณะที่ ‘ใช่’ กับตัวเองมากที่สุด 


Table of Content

  • แพทยศาสตร์เรียนกี่ปี
    • ชั้นปีที่ 1 เรียนรู้ปรับพื้นฐาน
    • ชั้นปีที่ 2 เริ่มเข้าสู่เนื้อหาแพทย์
    • ชั้นปีที่ 3 รู้จักความเจ็บป่วยในร่างกาย
    • ชั้นปีที่ 4 สู่ประสบการณ์เข้าวอร์ดดูแลคนไข้
    • ชั้นปีที่ 5 เรียนหนัก เพื่อเตรียมตัวเป็นแพทย์
    • ชั้นปีที่ 6 เข้าสู่การทำงานจริง

แพทยศาสตร์เรียนกี่ปี?

กฎหมายโดยพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 14 กำหนดว่า "การศึกษาวิชาชีพเวชกรรมต้องเป็นไปตามหลักสูตรที่คณะกรรมการวิชาชีพเวชกรรมกำหนด ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวต้องมีระยะเวลาการศึกษาไม่น้อยกว่า 6 ปี" ดังนั้น สถาบันการศึกษาที่เปิดสอนด้านการแพทย์ทั่วประเทศไทยที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง จะต้องเรียนทั้งหมด 6 ปี ซึ่งการเรียนแพทยศาสตร์ก็ยังสามารถแบ่งออกเป็นสาขาวิชา หรือสาขาเฉพาะทางได้อีกมากมาย ทำให้อาจมีแผนการเรียนที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสาขา แต่โดยส่วนมากแล้วจะมีวิชาพื้นฐานและแบบแผนในการเรียนที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้

ชั้นปีที่ 1 เรียนรู้ปรับพื้นฐาน

เมื่อก้าวเข้าสู่ชั้นปีเริ่มต้นของการศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ น้อง ๆ จะได้เรียนวิชาพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้มีความรู้ที่จำเป็นสำหรับการเรียนแพทย์ในชั้นปีต่อ ๆ ไป โดยเป็นการต่อยอดการเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ จากระดับชั้นม.ปลาย แต่จะลงรายละเอียดในแต่ละวิชาให้ลึกยิ่งขึ้น รวมถึงจะต้องฝึกทักษะการปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การทดลองในห้องปฏิบัติการด้วย 

ชั้นปีที่ 2 เริ่มเข้าสู่เนื้อหาแพทย์

ในชั้นปีที่ 2 จะมีบทเรียนต่อเนื่องจากชั้นปีที่ 1 แต่ยังคงเน้นการเรียนวิชาพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ และวิชาชีพแพทย์ อีกทั้งความเข้มข้นของเนื้อหาก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งนอกจากการเสริมพื้นฐานให้แน่นขึ้นแล้ว น้อง ๆ จะได้เริ่มเรียนวิชาเกี่ยวกับการแพทย์มากขึ้นด้วย โดยเนื้อหาที่เรียนจะเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกาย และระบบการทำงานของร่างกายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบเลือด วิชาทางกายวิภาค สรีรวิทยา พันธุศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นปีแรกที่จะได้พบอาจารย์ใหญ่และได้กล่าวคำปฏิญาณเป็นครั้งแรกด้วย 

ชั้นปีที่ 3 รู้จักความเจ็บป่วยในร่างกาย

ในชั้นปีที่ 3 จะเริ่มได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ รวมถึงสิ่งผิดปกติในร่างกายมนุษย์ พร้อมทำความรู้จักเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรค ไม่ว่าจะเป็นหลักภูมิคุ้มกันวิทยา ปรสิตวิทยา พยาธิทั่วไป เวชศาสตร์ชุมชนฯ รวมถึงได้เรียนเกี่ยวกับยารักษาโรคในระดับพื้นฐาน ที่สำคัญเมื่อจบชั้นปีที่ 3 จะต้องเจอกับความยากลำบากในการสอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ขั้นที่ 1 โดยข้อสอบจะเป็นเนื้อหาความรู้ตลอด 3 ปี ซึ่งหากสอบไม่ผ่านในรอบแรกก็สามารถสอบซ่อมได้อีกหนึ่งครั้ง

เริ่มเข้าวอร์ดดูแลคนไข้

ชั้นปีที่ 4 สู่ประสบการณ์เข้าวอร์ดดูแลคนไข้

ในปีที่ 4 จะเริ่มก้าวเข้าสู่ชั้นคลินิกที่ไม่ใช่การเรียนการสอนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวแล้ว เพราะน้อง ๆ จะได้เรียนรู้และทดลองดูแลคนไข้เพื่อสัมผัสประสบการณ์จริงในโรงพยาบาล หรือที่เราเรียกกันว่าการขึ้นวอร์ด  ซึ่งจะแบ่งนักศึกษาแพทย์ออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ เพื่อวนดูแลผู้ป่วยตามวอร์ดตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละวอร์ดก็จะได้รับเนื้อหาความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น วอร์ดอายุรกรรม​ หรือ MED ซึ่งเป็นการรักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่โดยใช้ยา หรือหัตถการขนาดเล็กที่ไม่ต้องใช้ยาสลบ ก็จะทำให้ได้เรียนรู้การรักษาโดยเน้นเกี่ยวกับโรคภัยและข้อมูลยา หรือวอร์ด ER ที่ต้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ทำให้ได้รับประสบการณ์รักษาคนไข้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ต้องรับมือเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งนอกจากการวนวอร์ดตลอดปีแล้ว ยังมีการเข้าเวรนอกเวลาราชการอีกด้วย เรียกว่าเป็นช่วงปีที่เวลาว่างเริ่มหายไป

ชั้นปีที่ 5 เรียนหนัก เพื่อเตรียมตัวเป็นแพทย์

การเรียนของชั้นปีที่ 5 จะไม่ต่างจากปีที่ 4 มากนัก เนื่องจากยังคงต้องแบ่งกลุ่มย่อยวนไปตามวอร์ดตลอดทั้งปี ซึ่งในส่วนนี้อาจมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละสถาบัน อีกทั้งการเข้าวอร์ดและเข้าเวรก็ยังเข้มข้นมากขึ้นกว่าตอนอยู่ปี 4 อย่างมาก เพราะจะเริ่มได้สอบถามซักประวัติ ตรวจร่างกาย ทำการวินิจฉัย หรืออาจต้องช่วยทำแผนทำคลอดร่วมกับอาจารย์ผู้ดูแลมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญนักศึกษาชั้นปีที่ 5 จะต้องเตรียมตัวสอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ขั้นที่ 2 ซึ่งเป็นการทดสอบความรู้ในปี 4 และ 5 ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อเตรียมตัวเป็นแพทย์ที่สามารถรักษาคนไข้ได้ด้วยความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มี

ชั้นปีที่ 6 เข้าสู่การทำงานจริง

เข้าสู่ปีที่ 6 ปีสุดท้ายของการเรียนแพทย์ ที่จะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดมาทำงานจริง โดยจะถูกเรียกว่า Extern หรือนิสิตแพทย์เวชปฏิบัติ ที่จะสามารถตรวจคนไข้ รักษาโรค ทำแผล ทำคลอด หรือผ่าตัดเล็กได้ด้วยตนเอง แต่อาจมีอาจารย์คอยควบคุมอยู่ห่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถออกไปฝึกที่โรงพยาบาลต่างจังหวัดได้อีกด้วย และที่สำคัญที่สุด คือการสอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ขั้นที่ 3 หรือขั้นสุดท้าย ที่จะเป็นการสอบแบบ OSCE หรือที่เราอาจเคยได้ยินกันว่าสอบกริ๊ง ซึ่งเป็นการสอบปฏิบัติ 30 ฐาน ที่ต้องย้ายไปในแต่ละฐานทันทีที่มีเสียงกริ๊ง จึงนับว่าเป็นการสอบที่มีความกดดันและต้องแข่งขันกับเวลาในแต่ละฐานเป็นอย่างมาก


อ่านมาถึงตรงนี้ หากน้อง ๆ ยังคงสนใจและมีเป้าหมายชัดเจนว่าการเป็นแพทย์คือความฝัน ก็สามารถมาลงคอร์ส TPAT1 ความถนัดแพทย์ได้ที่ Applied Physics เพราะมีทั้งคอร์สติวสอบ TGAT และ TPAT 1 (วิชาเฉพาะ กพสท.) ให้เลือก สอนโดยติวเตอร์ที่มีประสบการณ์สอนยาวนาน เนื้อหาแน่น ครบ แถมมีทริก มีเทคนิคการสอนที่เข้าใจง่าย เสริมความมั่นใจให้น้อง ๆ ไปสอบได้อย่างมั่นใจมากขึ้น สามารถเข้าเรียนได้ทั้งที่สถาบันหรือทางออนไลน์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร 02-3060867, 02-3060868, 02-3060869 และ 085-4925599 หรือ แอดไลน์ @appliedphysics (มี @ ด้วย)

loading
loading
เพิ่มในตะกร้าแล้ว
×
ชื่อคอร์ส
ราคา บาท
Line OA @appliedphysics