กลับสู่หน้าบทความ
อยากสอบติดสัตวแพทย์ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง ?
03 กันยายน 2568 13:26:26
Table of Contents:
• สัตวแพทย์เรียนกี่ปี แต่ละปีเรียนอะไรบ้าง ?
• ช่วง 3 ปีแรก (Pre-Clinic)
• ช่วง 3 ปีหลัง (Clinic)
• คณะสัตวแพทยศาสตร์ใช้คะแนนอะไรบ้าง ? • ช่วง 3 ปีหลัง (Clinic)
• คณะสัตวแพทยศาสตร์ มีกี่รอบให้เลือกใน TCAS ?
• คณะสัตวแพทย์มีที่ไหนบ้างในไทย ?

สัตวแพทย์เรียนกี่ปี แต่ละปีเรียนอะไรบ้าง ?
สำหรับคำถามยอดฮิตตลอดกาลอย่าง “สัตวแพทย์เรียนกี่ปี ?” ตอบตรงนี้แบบชัดเจนเลยว่า หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิตต้องใช้เวลาเรียนทั้งหมด 6 ปีเต็ม ส่วนเนื้อหาว่าสัตวแพทย์ต้องเรียนอะไรบ้าง ขอแบ่งอธิบายเป็น 2 พาร์ตเพื่อง่ายต่อการเข้าใจ ดังนี้ช่วง 3 ปีแรก (Pre-Clinic)
3 ปีแรกจะเป็นช่วงปูพื้นฐาน โดยน้อง ๆ จะได้เรียนทั้งวิชาทั่วไปของมหาวิทยาลัย เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ มนุษยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์พื้นฐานอย่างฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่วิชาพื้นฐานของสายสัตวแพทย์ เช่น• โครงสร้างและกายวิภาคของสัตว์ชนิดต่าง ๆ
• การทำงานของระบบร่างกายสัตว์
• กระบวนการเกิดโรค และการแยกแยะอาการผิดปกติ
• จุลชีววิทยา และปรสิตวิทยาในสัตว์
ความรู้ที่ได้จากการเรียนใน 3 ปีแรกถือว่ามีความเข้มข้น อีกทั้งความรู้เหล่านี้ น้อง ๆ ยังจะต้องนำไปใช้ต่อยอดกับการเรียนในภาคปฏิบัติจริงในช่วง Clinic ต่อไป
ช่วง 3 ปีหลัง (Clinic)
พอขึ้นปี 4 เป็นต้นไป จะเริ่มเข้าสู่ช่วงของการเรียนแบบลงลึกและฝึกปฏิบัติจริง น้อง ๆ จะได้เรียนเกี่ยวกับ• การวินิจฉัยโรคสัตว์แบบเป็นระบบ
• การรักษาโดยใช้ยาและการผ่าตัด
• การคลอดลูกสัตว์ และการดูแลระบบสืบพันธุ์
• การควบคุมโรคระบาดในสัตว์ และโรคที่ติดต่อสู่คน
• การตรวจคุณภาพอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น นม ไข่ เนื้อสัตว์
• สวัสดิภาพสัตว์ และจริยธรรมวิชาชีพ
• การรักษาโดยใช้ยาและการผ่าตัด
• การคลอดลูกสัตว์ และการดูแลระบบสืบพันธุ์
• การควบคุมโรคระบาดในสัตว์ และโรคที่ติดต่อสู่คน
• การตรวจคุณภาพอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น นม ไข่ เนื้อสัตว์
• สวัสดิภาพสัตว์ และจริยธรรมวิชาชีพ
โดยในปี 4 จะยังคงเรียนในมหาวิทยาลัยและฝึกที่โรงพยาบาลสัตว์ของคณะ แต่ในปี 5 และ 6 มหาวิทยาลัยจะเริ่มส่งน้อง ๆ ไปฝึกงานตามฟาร์มสัตว์ โรงพยาบาลสัตว์ หรือหน่วยงานจริง เพื่อให้พร้อมสำหรับการเป็นสัตวแพทย์เต็มตัว
อยากเข้าสัตวแพทย์ต้องสอบอะไรบ้าง ?
มาถึงเรื่องสำคัญที่น้อง ๆ ต้องรู้ ว่าถ้าอยากเข้าเรียนในคณะสัตวแพทย์ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้จะขออธิบายให้เข้าใจแบบง่าย ๆ โดยเรียงตามรอบของระบบ TCASรอบ 1 Portfolio
รอบนี้เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่มี ผลงานโดดเด่น ทั้งด้านวิชาการและกิจกรรม เช่น ได้รางวัลจากการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิก หรือมีผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ หรือมีจิตอาสาด้านการช่วยเหลือสัตว์ โดยแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์ที่แตกต่างกันไป บางที่อาจใช้ GPAX, คะแนนภาษาอังกฤษ (เช่น IELTS), TGAT/TPAT ประกอบการพิจารณาด้วย• สัตวแพทย์ จุฬาฯ : เปิดรับหลายโครงการ น้อง ๆ ที่อยากเข้าต้องมี GPAX และ GPA วิชาเคมี/ชีววิทยา ไม่ต่ำกว่า 3.50 และคะแนนภาษาอังกฤษ IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.5
• สัตวแพทย์ เกษตรฯ : รับผ่านโครงการโอลิมปิกวิชาการและโครงการช้างเผือก โดยโครงการช้างเผือกจะพิจารณาจาก GPAX, คะแนน IELTS และ TGAT/TPAT3
• สัตวแพทย์ มหิดล : ต้องมี GPAX และ GPA รายวิชาหลัก (เคมี, ฟิสิกส์, ชีววิทยา, คณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ) ไม่ต่ำกว่า 3.50 และ IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0
• สัตวแพทย์ เกษตรฯ : รับผ่านโครงการโอลิมปิกวิชาการและโครงการช้างเผือก โดยโครงการช้างเผือกจะพิจารณาจาก GPAX, คะแนน IELTS และ TGAT/TPAT3
• สัตวแพทย์ มหิดล : ต้องมี GPAX และ GPA รายวิชาหลัก (เคมี, ฟิสิกส์, ชีววิทยา, คณิตศาสตร์, ภาษาอังกฤษ) ไม่ต่ำกว่า 3.50 และ IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0
รอบ 2 Quota
รอบนี้จะคล้ายกับรอบ Portfolio แต่จะเน้นไปที่น้อง ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น เรียนอยู่ในโรงเรียนเครือข่าย หรือเป็นนักเรียนในพื้นที่ตามภูมิลำเนา ซึ่งเกณฑ์การคัดเลือกก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละโครงการ บางที่ใช้ GPAX, คะแนนสอบกลางอย่าง TGAT/TPAT/A-Level หรือคะแนนสอบวิชาเฉพาะของมหาวิทยาลัยรอบ 3 Admission
เป็นรอบที่เปิดรับมากที่สุด และมีผู้สมัครมากที่สุดด้วย เพราะใช้คะแนนสอบกลางเป็นหลัก ได้แก่• TPAT1 (ความถนัดแพทย์) 30%
• A-Level (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต อังกฤษ ไทย สังคม) 70% (สัดส่วนคะแนน A-Level จะแตกต่างกันไปตามกลุ่มวิชา โดยกลุ่ม วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ) มีน้ำหนักมากที่สุดถึง 28%)
• A-Level (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต อังกฤษ ไทย สังคม) 70% (สัดส่วนคะแนน A-Level จะแตกต่างกันไปตามกลุ่มวิชา โดยกลุ่ม วิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์, เคมี, ชีวะ) มีน้ำหนักมากที่สุดถึง 28%)
เกณฑ์นี้ใช้เหมือนกันในหลายมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาฯ มหิดล เกษตรฯ ขอนแก่น นอกจากนั้น บางมหาวิทยาลัยยังเปิดรับรอบ 3 ในแบบ “รับตรง” โดยไม่ได้เข้าร่วมกับ กสพท. ซึ่งใช้เกณฑ์คะแนนแตกต่างกันไป
รอบ 4 Direct Admission
รอบสุดท้าย สำหรับน้อง ๆ ที่ยังไม่ผ่านรอบก่อนหน้านี้ หรือยังไม่ได้ยืนยันสิทธิ์ โดยมหาวิทยาลัยที่ยังเปิดรับในรอบนี้จะมีจำนวนน้อยลง แต่ก็ยังพอมีโอกาส เช่น ม.ขอนแก่น ที่ใช้คะแนน TPAT3 + A-Level หลายวิชาผสมกันรอบนี้มักใช้เกณฑ์ผสมของรอบ 3 และรอบ 2 แต่มีอิสระมากกว่า บางแห่งอาจเปิดรับตรงผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยเอง และมีข้อสอบเฉพาะของสถาบัน ดังนั้น ใครจะยื่นรอบนี้ควรต้องติดตามข่าวสารให้ดี เพราะประกาศจะออกช่วงปลาย ๆ เทอม 2

คณะสัตวแพทย์มีที่ไหนบ้างในไทย ?
เมื่อรู้แล้วว่าสัตวแพทย์ใช้คะแนนอะไรบ้างในการสอบเข้า คำถามต่อมาก็คือ “แล้วจะยื่นเข้าที่ไหนดี ?” สำหรับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่เปิดสอนสัตวแพทยศาสตร์ และผ่านการรับรองจากสัตวแพทยสภา (ข้อมูลล่าสุด สิงหาคม พ.ศ.2568) ที่น้อง ๆ อาจลองนำไปพิจารณา ได้แก่• จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• ม.มหิดล
• ม.เกษตรศาสตร์
• ม.ขอนแก่น
• ม.เชียงใหม่
• มหาสารคาม
• สงขลานครินทร์
• ม.เทคโนโลยีมหานคร
• ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
• ม.ราชมงคลศรีวิชัย
• ม.เวสเทิร์น
• ม.วลัยลักษณ์
หมายเหตุ : บางแห่งยังอยู่ในสถานะ "รับรองแบบมีเงื่อนไข" เช่น ม.เวสเทิร์น/ม.ราชมงคลศรีวิชัย อาจมีผลต่อการไปทำงานในต่างประเทศ
• ม.มหิดล
• ม.เกษตรศาสตร์
• ม.ขอนแก่น
• ม.เชียงใหม่
• มหาสารคาม
• สงขลานครินทร์
• ม.เทคโนโลยีมหานคร
• ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก
• ม.ราชมงคลศรีวิชัย
• ม.เวสเทิร์น
• ม.วลัยลักษณ์
หมายเหตุ : บางแห่งยังอยู่ในสถานะ "รับรองแบบมีเงื่อนไข" เช่น ม.เวสเทิร์น/ม.ราชมงคลศรีวิชัย อาจมีผลต่อการไปทำงานในต่างประเทศ
จบสัตวแพทย์แล้วทำงานอะไรได้บ้าง ?
หลายคนอาจคิดว่าจบสัตวแพทย์มาก็ต้องเปิดคลินิกรักษาน้องหมาน้องแมวอย่างเดียวใช่ไหมล่ะ แต่จริง ๆ แล้วอาชีพสัตวแพทย์มีทางเลือกหลากหลายกว่าที่คิด ไม่ว่าจะในภาครัฐหรือเอกชน ลองมาดูตัวอย่างงานที่น่าสนใจกัน• สัตวแพทย์คลินิก หรือโรงพยาบาลสัตว์
• สัตวแพทย์ประจำฟาร์มปศุสัตว์
• สัตวแพทย์ในสวนสัตว์ หรือสถานีอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า
• สัตวแพทย์ในบริษัทเวชภัณฑ์สัตว์
• อาจารย์คณะสัตวแพทยศาสตร์
• สัตวแพทย์ประจำฟาร์มปศุสัตว์
• สัตวแพทย์ในสวนสัตว์ หรือสถานีอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า
• สัตวแพทย์ในบริษัทเวชภัณฑ์สัตว์
• อาจารย์คณะสัตวแพทยศาสตร์
ถ้าอยากสอบติดสัตวแพทย์ “TPAT1 กสพท” คือด่านสำคัญ เพราะใช้คะแนนถึง 30% และเป็นข้อสอบที่วัดทั้งความฉลาดทางเหตุผล ความคิดเชื่อมโยง ไปจนถึงจริยธรรมวิชาชีพ ใครที่ยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีหรือเปล่า แนะนำให้เตรียมตัวล่วงหน้ากับคอร์สติว TPAT1 จาก Applied Physics ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับน้อง ๆ สายหมอและสายสัตวแพทย์ เนื้อหาอัปเดตตรงแนวข้อสอบ พร้อมเทคนิคทำโจทย์เร็ว แม่น และไม่พลาดจุดสำคัญ พร้อมให้เลือกเรียนทั้งแบบออนไลน์และคลาสสด ติวให้พร้อมก่อนใคร แล้วค่อยไปลุยรอบ Admission อย่างมั่นใจ ! ดูรายละเอียดคอร์สทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ Applied Physics สอบถามรายละเอียดสามารถติดต่อได้ที่ โทร. 02-3060867, 02-3060868, 02-3060869, 085-4925599 หรือ Line: @appliedphysics (มี @ นำหน้า)