กลับสู่หน้าบทความ
เส้นทางการเป็นกุมารแพทย์ เรียนกี่ปี ? และคุณสมบัติที่ควรมี
03 กันยายน 2568 13:48:04
สำหรับน้อง ๆ ที่มีแผนจะเรียนต่อในคณะแพทยศาสตร์ เพื่อเป็นกุมารแพทย์ในอนาคต ควรทำความเข้าใจรายละเอียดของสาขานี้ให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาการเรียน วิชาที่ต้องเรียน ไปจนถึงคุณสมบัติที่ควรมี เพื่อการเตรียมตัวติวสอบเข้าแพทย์ฯ ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
Table of Contents:
• กุมารแพทย์คืออะไร ?
• กุมารแพทย์ เรียนคณะอะไร ?
• กุมารแพทย์ เรียนกี่ปี ?
• กุมารแพทย์ต้องเรียนอะไรบ้าง ?
• คุณสมบัติและทักษะที่ควรมีของกุมารแพทย์
• การเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ เพื่อเรียนต่อกุมารแพทย์
• กุมารแพทย์ เรียนคณะอะไร ?
• กุมารแพทย์ เรียนกี่ปี ?
• กุมารแพทย์ต้องเรียนอะไรบ้าง ?
• คุณสมบัติและทักษะที่ควรมีของกุมารแพทย์
• การเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ เพื่อเรียนต่อกุมารแพทย์

กุมารแพทย์คืออะไร ?
กุมารแพทย์ (Pediatrician) คือแพทย์เฉพาะทางที่ทำหน้าที่ดูแล ตรวจวินิจฉัย และรักษาเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 15 ปี ขอบเขตของงานครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ พัฒนาการ การฉีดวัคซีน ตรวจสุขภาพประจำปี ไปจนถึงการให้คำปรึกษาเรื่องพฤติกรรม เป็นหนึ่งในสาขาที่ต้องอาศัยความเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก รวมถึงการสื่อสารกับพ่อแม่อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการดูแลเด็กนั้นแตกต่างจากการดูแลผู้ใหญ่มากกุมารแพทย์ เรียนคณะอะไร ?
น้อง ๆ ที่อยากเป็นกุมารแพทย์ต้องสอบเข้าเรียนในคณะแพทยศาสตร์ และเรียนจนจบหลักสูตร แพทยศาสตรบัณฑิต (ปริญญาตรีแพทย์ทั่วไป) ก่อน และหลังจากได้รับใบประกอบวิชาชีพแพทย์แล้ว จึงสามารถเลือกเรียนต่อเฉพาะทางในสาขากุมารเวชศาสตร์ได้ ซึ่งขั้นตอนนี้เปรียบเสมือนการเลือกเรียนต่อปริญญาโท หรือที่เรียกว่า Residency โดยต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและเรียนรู้เพิ่มเติมกุมารแพทย์ เรียนกี่ปี ?
เส้นทางสู่การเป็นกุมารแพทย์อาจใช้เวลาค่อนข้างนาน โดยสามารถแบ่งออกเป็นช่วงต่าง ๆ ได้ ดังนี้เรียนคณะแพทยศาสตร์
ตลอดระยะเวลา 6 ปีในการเรียนแพทย์ จะแบ่งรูปแบบการเรียนการสอนออกเป็น 2 ช่วงหลัก ๆ คือ• ปี 1-3 เป็นช่วงที่ต้องเรียนด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน (Pre-Clinical) เช่น เคมี, ฟิสิกส์, ชีววิทยา, กายวิภาคศาสตร์, สรีรวิทยา, และเภสัชวิทยา เพื่อสร้างความเข้าใจในระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์
• ปี 4-6 เป็นช่วงเรียนคลินิก (Clinical) ซึ่งเป็นการลงพื้นที่จริงและฝึกงานในโรงพยาบาล น้อง ๆ จะได้ฝึกตรวจโรคกับอาจารย์แพทย์ในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น อายุรกรรม ศัลยกรรม กุมารเวชกรรม และสูตินรีเวชกรรม
• ปี 4-6 เป็นช่วงเรียนคลินิก (Clinical) ซึ่งเป็นการลงพื้นที่จริงและฝึกงานในโรงพยาบาล น้อง ๆ จะได้ฝึกตรวจโรคกับอาจารย์แพทย์ในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น อายุรกรรม ศัลยกรรม กุมารเวชกรรม และสูตินรีเวชกรรม
ใช้ทุนหรือทำงานเป็นแพทย์ทั่วไป
หลังจากจบการศึกษาและได้รับใบประกอบวิชาชีพแพทย์แล้ว แพทย์ทุกคนต้องทำงานใช้ทุนให้กับรัฐบาล หรือทำงานเป็นแพทย์ทั่วไปในโรงพยาบาลก่อน เพื่อสั่งสมประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยจริงและทำความคุ้นเคยกับระบบสาธารณสุขเรียนต่อเฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์
ขั้นตอนนี้เป็นการเรียนต่อในระดับแพทย์ประจำบ้าน (Residency) โดยใช้เวลาประมาณ 3 ปี น้อง ๆ จะได้เรียนและฝึกปฏิบัติงานในสาขากุมารเวชศาสตร์โดยเฉพาะ หากสนใจอนุสาขาเพิ่มเติม เช่น โรคหัวใจเด็ก หรือระบบทางเดินอาหารในเด็ก จะต้องเรียนต่ออีก 2-3 ปีดังนั้น หากรวมระยะเวลาทั้งหมด เส้นทางสู่การเป็นกุมารแพทย์จะใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี จึงจะถือว่าเป็นกุมารแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทาง และประกอบสายอาชีพนี้ได้อย่างสมบูรณ์
กุมารแพทย์ต้องเรียนอะไรบ้าง ?
ในช่วงที่เรียนเฉพาะทางกุมารเวชศาสตร์ (Residency 3 ปี) น้อง ๆ จะได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานอย่างเข้มข้นในด้านต่าง ๆ ดังนี้ฝึกดูแลผู้ป่วยเด็กในหอผู้ป่วย
เรียนรู้การดูแลเด็กที่ป่วยหนักและต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ทั้งในห้องผู้ป่วยปกติและหอผู้ป่วยวิกฤต (ICU) รวมถึงการทำหัตถการต่าง ๆวินิจฉัยและรักษาในคลินิกเฉพาะทางเด็ก
เรียนรู้การตรวจรักษาผู้ป่วยเด็กในคลินิกเฉพาะทาง เช่น คลินิกโรคภูมิแพ้เด็ก คลินิกโรคระบบทางเดินอาหารเด็ก และคลินิกโรคหัวใจเด็ก เป็นต้นเวชศาสตร์ครอบครัวและเวชศาสตร์ชุมชนที่เกี่ยวกับเด็ก
นอกจากจะเรียนรู้เรื่องการรักษาโรคแล้ว ยังต้องเรียนรู้การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของเด็กและครอบครัว รวมถึงการทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีของเด็ก ๆ ด้วยติดตามพัฒนาการเด็กและวางแผนการดูแลอย่างต่อเนื่อง
กุมารแพทย์จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ด้านพัฒนาการเด็ก ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ และพฤติกรรม เพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองได้อย่างถูกต้องทั้งนี้ มีตัวอย่างวิชาที่ต้องเรียน ได้แก่
• Neonatology (ทารกแรกเกิด) การดูแลทารกตั้งแต่แรกคลอดจนถึง 28 วัน
• Pediatric Infectious Disease (โรคติดเชื้อในเด็ก) การวินิจฉัยและรักษาโรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด และโรค RSV
• Pediatric Emergency (ภาวะฉุกเฉินในเด็ก) การรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นกับเด็ก เช่น อุบัติเหตุ ภาวะชัก หรือภาวะหายใจล้มเหลว
• Pediatric Endocrinology (ระบบฮอร์โมนเด็ก) การวินิจฉัยและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนในเด็ก เช่น โรคเบาหวาน ภาวะตัวเตี้ย หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติ
• Pediatric Infectious Disease (โรคติดเชื้อในเด็ก) การวินิจฉัยและรักษาโรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด และโรค RSV
• Pediatric Emergency (ภาวะฉุกเฉินในเด็ก) การรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นกับเด็ก เช่น อุบัติเหตุ ภาวะชัก หรือภาวะหายใจล้มเหลว
• Pediatric Endocrinology (ระบบฮอร์โมนเด็ก) การวินิจฉัยและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนในเด็ก เช่น โรคเบาหวาน ภาวะตัวเตี้ย หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติ

คุณสมบัติและทักษะที่ควรมีของกุมารแพทย์
• ใจรักเด็ก มีความเมตตา อดทน ใจเย็น เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด เพราะการดูแลเด็กต้องใช้ความเข้าใจและอ่อนโยนเป็นพิเศษ
• ทักษะการสื่อสารดีเยี่ยม เพราะกุมารแพทย์ไม่เพียงแต่ต้องสื่อสารกับเด็กเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถอธิบายข้อมูลทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้ผู้ปกครองเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ
• มีทักษะการวิเคราะห์ เพื่อวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
• เข้าใจการทำงานเป็นทีม มีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและตัดสินใจอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
• ทักษะการสื่อสารดีเยี่ยม เพราะกุมารแพทย์ไม่เพียงแต่ต้องสื่อสารกับเด็กเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถอธิบายข้อมูลทางการแพทย์ที่ซับซ้อนให้ผู้ปกครองเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ
• มีทักษะการวิเคราะห์ เพื่อวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับผู้ป่วยแต่ละราย
• เข้าใจการทำงานเป็นทีม มีความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและตัดสินใจอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
การเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ เพื่อเรียนต่อกุมารแพทย์
การสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ เพื่อไปศึกษาต่อในสาขากุมารแพทย์นั้น ต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจในด้านวิชาการเป็นอย่างมาก ซึ่งมีแนวทางในการเตรียมสอบ ดังนี้• เน้นติววิชาสายสามัญ วิทย์-คณิต ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา เพื่อปูพื้นฐานวิชาเหล่านี้ให้แข็งแกร่ง
• เตรียมสอบ TPAT1 (ความถนัดแพทย์) ซึ่งเป็นการสอบเฉพาะทาง ที่ต้องได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี
• วางแผนการอ่านและฝึกทำข้อสอบล่วงหน้า 1-2 ปี เพื่อจะได้ทบทวนและทำความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
• เพิ่มโอกาสสอบติด ด้วยการลงเรียนคอร์สติวสอบเข้าแพทย์ ที่มีเนื้อหาครอบคลุมแนวข้อสอบจริงพร้อมเทคนิคเฉพาะทางจากติวเตอร์ผู้เชี่ยวชาญ
• เตรียมสอบ TPAT1 (ความถนัดแพทย์) ซึ่งเป็นการสอบเฉพาะทาง ที่ต้องได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี
• วางแผนการอ่านและฝึกทำข้อสอบล่วงหน้า 1-2 ปี เพื่อจะได้ทบทวนและทำความเข้าใจเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
• เพิ่มโอกาสสอบติด ด้วยการลงเรียนคอร์สติวสอบเข้าแพทย์ ที่มีเนื้อหาครอบคลุมแนวข้อสอบจริงพร้อมเทคนิคเฉพาะทางจากติวเตอร์ผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งหมดนี้คงทำให้น้อง ๆ เห็นภาพว่า การเป็นกุมารแพทย์ไม่เพียงแต่ต้องเก่งวิชาการเท่านั้น แต่ยังต้องมีความมุ่งมั่นและเตรียมตัวมาอย่างดี เพื่อการก้าวสู่เส้นทางนี้ได้อย่างมั่นใจ
สำหรับน้อง ๆ ที่อยู่ในช่วงเตรียมตัวสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์ มาเสริมความรู้และเทคนิคดี ๆ ด้วยคอร์สติวสอบเข้าแพทย์ จาก Applied Physics ที่เจาะลึกข้อสอบเฉพาะทางสำหรับสายแพทย์โดยเฉพาะ ครบครันด้วยเนื้อแบบเน้น ๆ อธิบายเข้าใจง่าย พร้อมเทคนิคทำข้อสอบให้แม่นและทันเวลา เริ่มเรียนได้เลยทั้งแบบออนไลน์และในคลาส