#Dek69 เตรียมตัวรอบพอร์ตยังไงให้ปัง เข้าใจง่ายในบทความเดีย
เชื่อว่าน้อง ๆ หลายคนคงเริ่มรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวลกับสนามตัดสินอนาคตที่ชื่อว่า TCAS โดยเฉพาะในรอบที่ 1 ที่ใช้ Portfolio หรือที่เรามักเรียกกันสั้น ๆ ว่า “รอบพอร์ต” ซึ่งเปรียบเสมือนประตูด่านแรกสู่คณะที่ฝันไว้ และดูเหมือนว่าปีนี้บทบาทของรอบพอร์ตจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นอีกด้วย
บทความนี้พี่ ๆ Applied Physics อยากมาไขข้อสงสัยให้น้อง ๆ เข้าใจเกี่ยวกับรอบ Portfolio ว่าคืออะไร และแนะนำวิธีเตรียมตัวให้รอบพอร์ต “ปัง” โดนใจกรรมการ เพื่อคว้าที่นั่งในคณะที่หวังได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งแนะนำคอร์สเรียนพิเศษออนไลน์สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการเตรียมพอร์ตควบคู่กับการสอบ TGAT/TPAT และ A-Level เพื่อให้ไม่พลาดทุกโอกาสในรอบ TCAS

Table of Contents
• รอบพอร์ต (Portfolio) คืออะไร ?
• ความสำคัญของรอบพอร์ตใน TCAS69 ที่ #Dek69 ต้องรู้
• เกณฑ์คัดเลือกรอบ Portfolio มีอะไรบ้าง ?
• โครงสร้าง Portfolio 10 หน้าฉบับสมบูรณ์มีอะไรบ้าง ?
• เทคนิคจัดทำ Portfolio ให้ปัง
• วางแผนเตรียมตัวให้ทันรอบพอร์ต
• TCASFolio ระบบใหม่สำหรับ #Dek69
รอบพอร์ต (Portfolio) คืออะไร ?
รอบพอร์ต คือรอบแรกของระบบ TCAS (Thai University Central Admission System) หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “รอบที่ 1 - แฟ้มสะสมผลงาน” ซึ่งเป็นรอบที่มหาวิทยาลัยจะคัดเลือกนักเรียนจากศักยภาพ ความสามารถ และผลงานส่วนตัว มากกว่าการสอบข้อเขียนเพียงอย่างเดียว
แฟ้มสะสมผลงานนี้ทำหน้าที่เป็นเหมือน “เรซูเม่ชีวิต” ที่รวบรวมทุกสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเราให้กรรมการเห็นภาพ เช่น
• ผลงานทางวิชาการ โครงงาน หรืองานวิจัย
• กิจกรรมจิตอาสา ชมรม หรือการแข่งขัน
• รางวัลและประกาศนียบัตรต่าง ๆ
• รวมถึงผลการเรียนเฉลี่ย (GPAX) และผลการสัมภาษณ์
กล่าวง่าย ๆ ว่ารอบพอร์ตคือโอกาสที่เราจะได้ “เล่าเรื่องตัวเอง” ว่าทำไมถึงเหมาะกับคณะนั้น เหตุใดถึงอยากเรียนสายนี้ และเราพร้อมแค่ไหนที่จะก้าวไปในเส้นทางที่เลือก
ความสำคัญของรอบพอร์ตใน TCAS69 ที่ #Dek69 ต้องรู้
การเตรียมตัวรอบพอร์ตใน TCAS69 มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ #Dek69 เนื่องจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งเพิ่มจำนวนรับนักศึกษาในรอบนี้ และบางแห่งยังแบ่งรอบย่อยออกเป็น 1.1, 1.2 หรือแม้แต่ 1.5 เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนที่พลาดในรอบแรกได้ลองยื่นพอร์ตอีกครั้ง
สิ่งนี้สะท้อนชัดเจนว่า “พอร์ตคือใบเบิกทางที่แท้จริง” เพราะแม้คะแนนสอบกลางของน้อง ๆ อาจไม่ได้สูงมาก แต่หากพอร์ตโดดเด่นและตรงกับคุณสมบัติของคณะที่สมัคร ก็มีโอกาสผ่านการคัดเลือกได้ตั้งแต่รอบแรก ดังนั้น การเตรียมพอร์ตให้พร้อมตั้งแต่วันนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเองก่อนใครก็ว่าได้
เกณฑ์คัดเลือกรอบ Portfolio มีอะไรบ้าง ?
ในการสมัครรอบพอร์ต สิ่งที่กรรมการใช้พิจารณามักประกอบด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้
GPAX / GPA
เกรดเฉลี่ยสะสมเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ แสดงถึงความตั้งใจและความสม่ำเสมอในการเรียนของผู้สมัคร บางคณะอาจกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำ เช่น 3.00 หรือ 3.25 ขึ้นอยู่กับคณะและสาขาที่สมัคร
ผลงาน / Portfolio
ผลงานหรือ Portfolio คือหัวใจสำคัญในการประเมินความสามารถและศักยภาพของผู้สมัคร กรรมการจะพิจารณาว่าผลงานหรือประสบการณ์ที่น้อง ๆ เคยทำมา มีความเกี่ยวข้องกับคณะที่ต้องการเรียนมากน้อยเพียงใด
คะแนนภาษา / ความสามารถพิเศษ
บางสาขาที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก หรือมีความต้องการทักษะเฉพาะ เช่น ศิลปกรรม วิศวกรรม หรือการสื่อสาร อาจพิจารณาคะแนน TOEFL, IELTS, HSK หรือผลสอบเฉพาะทางอื่น ๆ เพื่อประเมินความพร้อมเชิงทักษะของผู้สมัครด้วย
การสอบสัมภาษณ์
แม้พอร์ตจะดีเพียงใด หากไม่สามารถสื่อสารความคิดและความตั้งใจได้ชัดเจนในวันสัมภาษณ์ โอกาสผ่านรอบนี้ก็อาจลดลง จึงควรเตรียมตัวตอบคำถามให้สอดคล้องกับข้อมูลในพอร์ตอย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ เช่น การพูดถึงแรงบันดาลใจ การอธิบายผลงาน และเป้าหมายในอนาคต
โครงสร้าง Portfolio 10 หน้า ฉบับสมบูรณ์มีอะไรบ้าง ?
โดยทั่วไปพอร์ตหนึ่งเล่มจะมีประมาณ 10 หน้า ซึ่งแต่ละหน้ามีบทบาทแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดล้วนช่วยเล่า “เรื่องราวของเรา” ให้กรรมการเข้าใจทั้งตัวตน ความสามารถ และแรงบันดาลใจได้อย่างครบถ้วน
1. หน้าปก (Cover Page)
เริ่มต้นด้วย “หน้าปก” ซึ่งเป็นสิ่งแรกที่กรรมการจะเห็น จึงควรระบุข้อมูลสำคัญให้ครบ เช่น ชื่อ-นามสกุล โรงเรียน คณะ และมหาวิทยาลัยที่สมัคร รวมถึงปีการศึกษา อาจเพิ่มองค์ประกอบเล็ก ๆ อย่างภาพหรือสโลแกนที่สะท้อนตัวตน เพื่อให้พอร์ตดูโดดเด่นและน่าจดจำ
2. คำนำ (Preface)
เมื่อเปิดเข้ามา หน้าถัดไปคือ “คำนำ” ซึ่งเปรียบเสมือนการแนะนำตัวผ่านถ้อยคำสั้น ๆ ส่วนนี้ควรบอกแรงบันดาลใจ เหตุผลที่อยากเรียนในคณะนั้น ๆ และเป้าหมายทางการศึกษา แนะนำให้เขียนด้วยภาษาที่จริงใจ กระชับ และทำให้ผู้อ่านรู้สึกถึงความตั้งใจของเราได้ตั้งแต่ต้น
3. สารบัญ (Table of Contents)
จากนั้นควรมี “สารบัญ” เพื่อช่วยให้พอร์ตดูเป็นระบบและค้นหาข้อมูลได้ง่าย ซึ่งควรระบุหัวข้อและเลขหน้าที่ชัดเจน เช่น ประวัติส่วนตัว ผลงาน และรางวัล เพื่อให้กรรมการสามารถประเมินและเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกมากขึ้น
4. ประวัติส่วนตัว (Profile)
เมื่อเข้าสู่เนื้อหาหลัก ให้เริ่มจาก “ประวัติส่วนตัว” ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานของผู้สมัคร เช่น วันเดือนปีเกิด โรงเรียน ที่อยู่ ช่องทางติดต่อ และความสนใจส่วนตัว หากมีทักษะเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคณะที่สมัคร เช่น ความสามารถทางภาษา การเขียนโปรแกรม หรือทักษะทางศิลปะ ก็ควรระบุไว้เพื่อสร้างความน่าสนใจเพิ่มเติม
5. ประวัติการศึกษา (Education)
ต่อจากประวัติส่วนตัวคือ “ประวัติการศึกษา” ซึ่งช่วยสะท้อนความมุ่งมั่นด้านการเรียน ควรระบุชื่อโรงเรียน สายการเรียน และเกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) อย่างชัดเจน รวมถึงผลงานทางวิชาการหรือรางวัลที่ได้รับระหว่างเรียน เพื่อแสดงถึงความสม่ำเสมอและพัฒนาการทางการศึกษา
6. กิจกรรมและผลงาน (Activities & Achievements)
เมื่อแสดงพื้นฐานด้านการเรียนแล้ว ควรต่อด้วย “กิจกรรมและผลงาน” ที่สื่อให้เห็นประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน เลือกเฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคณะที่สมัคร เช่น โครงงาน การแข่งขัน หรือกิจกรรมจิตอาสา พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ ว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นั้น เพื่อให้กรรมการเห็นพัฒนาการของเราทั้งในด้านทักษะและความคิด
7. ใบประกาศนียบัตรและรางวัล (Certificates & Awards)
หลังจากนำเสนอผลงานแล้ว ให้เสริมความน่าเชื่อถือด้วย “ใบประกาศนียบัตรและรางวัล” โดยรวบรวมและจัดเรียงตามลำดับปีล่าสุดไปเก่าสุด เพื่อให้เห็นความต่อเนื่องและพัฒนาการอย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยตอกย้ำความสามารถที่ปรากฏในส่วนก่อนหน้า
8. Statement of Purpose (SOP)
Statement of Purpose หรือจดหมายแสดงเจตจำนง ส่วนนี้เป็นพื้นที่ให้น้อง ๆ เล่าความตั้งใจอย่างจริงใจว่าทำไมถึงอยากเรียนคณะนี้ และการเรียนคณะนี้จะช่วยต่อยอดอนาคตอย่างไร การเขียนให้เชื่อมโยงกับผลงานหรือกิจกรรมที่กล่าวมาก่อนหน้า จะทำให้เรื่องราวดูน่าเชื่อถือและมีเหตุผลรองรับ
9. สรุปและแรงบันดาลใจ (Conclusion & Reflection)
เมื่อเล่าจนถึงจุดนี้ ควรปิดท้ายด้วย “บทสรุปและแรงบันดาลใจ” เพื่อสะท้อนภาพรวมของการเติบโตจากการทำพอร์ต โดยอาจเล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ ความตั้งใจในอนาคต หรือมุมมองที่เปลี่ยนไปจากการลงมือทำ
10. ภาคผนวก (Appendix)
ภาคผนวก ใช้สำหรับแนบเอกสารเพิ่มเติม เช่น จดหมายรับรองจากครู หรือผลงานที่มีรายละเอียดมากจนไม่สามารถใส่ในหน้าหลักได้ โดยการมีภาคผนวกจะช่วยให้พอร์ตดูครบถ้วนและเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
เทคนิคจัดทำ Portfolio ให้ปัง
นอกจากโครงสร้าง 10 หน้าคร่าว ๆ ของพอร์ตแล้ว ยังมีเทคนิคเล็ก ๆ ที่ช่วยให้น้อง ๆ ทำพอร์ตได้ปังและมืออาชีพมากขึ้น ดังนี้
กำหนดธีม (Theme) ของ Portfolio ให้ชัดเจน
เริ่มต้นจากการเลือกธีมที่สะท้อนตัวตนและเชื่อมโยงกับคณะที่ต้องการสมัคร เพราะเมื่อมีธีมที่ชัดเจน จะช่วยให้เนื้อหาทั้งเล่มเดินไปในทิศทางเดียวกัน
คัดเฉพาะผลงานที่เกี่ยวข้องที่สุด
ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกกิจกรรมที่เคยทำ แต่ควรเลือกเฉพาะผลงานที่เกี่ยวข้องกับคณะและสามารถสื่อถึงศักยภาพของเราได้จริง เพราะพอร์ตที่ดีคือ “การเลือกเล่าเรื่องสำคัญ” ไม่ใช่ “การรวมทุกเรื่องไว้ด้วยกัน”
เขียนคำอธิบายผลงานให้ครบถ้วน
ผลงานทุกชิ้นควรมีคำอธิบายสั้น ๆ ว่าน้อง ๆ ทำอะไร รับผิดชอบส่วนไหน ผลลัพธ์คืออะไร และได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์นั้น ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้กรรมการเข้าใจความหมายของผลงานมากกว่าการเห็นเพียงภาพหรือใบประกาศ
จัด Layout ให้อ่านง่ายและดูเป็นมืออาชีพ
ควรเลือกใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย ขนาดตัวอักษรเหมาะสม และมีช่องว่างให้ได้พักสายตา อย่าใช้สีหรือลูกเล่นเยอะเกินไป เพราะอาจทำให้ดูรก ควรเน้นความเรียบง่ายแต่ดูสะอาดตาและชัดเจน
เขียนบทสรุปท้าย Portfolio อย่างประทับใจ
ปิดท้ายพอร์ตด้วยบทสรุปสั้น ๆ ที่สะท้อนความตั้งใจและเป้าหมาย เช่น สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำพอร์ต หรือแรงบันดาลใจในการก้าวสู่คณะในฝัน เพื่อทิ้งความรู้สึกอบอุ่นและความมั่นใจให้กรรมการจดจำเราได้
วางแผนเตรียมตัวให้ทันรอบพอร์ต
การเตรียมพอร์ตให้พร้อมต้องใช้เวลาและการวางแผนที่ดี แนะนำว่าให้น้อง ๆ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงต้นของมัธยมปลาย เพื่อจะได้ไม่ต้องเร่งรีบในช่วงใกล้สมัคร โดยสามารถแบ่งช่วงการเตรียมตัวได้ดังนี้
ช่วงม.4 - ม.5 : เก็บกิจกรรมและหลักฐานตั้งแต่เนิ่น ๆ
ในช่วงนี้ควรเริ่มเข้าร่วมกิจกรรม โครงงาน หรือการแข่งขันต่าง ๆ เพื่อสะสมประสบการณ์และผลงาน พร้อมเก็บหลักฐานอย่างครบถ้วน ทั้งรูปถ่าย ใบประกาศ และใบรับรอง เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นข้อมูลสำคัญในพอร์ตของน้อง ๆ
6 เดือนก่อนสมัคร : เริ่มคัดผลงานและจัดเรียงข้อมูล
เมื่อใกล้ถึงช่วงสมัคร ให้เริ่มเลือกผลงานที่เกี่ยวข้องกับคณะเป้าหมาย เขียนคำอธิบาย พร้อมเตรียมรูปภาพให้พร้อม หากมีผลงานเพิ่มเติมที่อยากใส่ควรวางแผนเข้าร่วมกิจกรรมหรือโครงการให้ทันในช่วงนี้
3 เดือนก่อนสมัคร : ออกแบบและจัดรูปเล่มพอร์ต
เข้าสู่ขั้นตอนการจัด Layout และออกแบบหน้าพอร์ต อาจใช้โปรแกรมอย่าง PowerPoint หรือ Canva จากนั้นควรขอจดหมายรับรองจากครูหรือที่ปรึกษาเพื่อแนบในพอร์ต
1 เดือนก่อนสมัคร : ตรวจสอบความเรียบร้อย
ควรให้ครูหรือพี่ติวเตอร์ช่วยตรวจทั้งเนื้อหาและดีไซน์ โดยตรวจสอบทั้งชื่อคณะ มหาวิทยาลัย และรูปแบบไฟล์ในระบบ TCASFolio ให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดก่อนส่งจริง
ก่อนวันส่ง : ตรวจรอบสุดท้ายและกดส่งให้ทันเวลา
ตรวจไฟล์อีกครั้งทั้งชื่อเอกสาร ขนาดไฟล์ และวันหมดเขตการส่ง เพราะแม้พอร์ตจะดีแค่ไหน หากส่งผิดที่หรือส่งไม่ทัน ก็อาจหมดสิทธิ์ในรอบนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
TCASFolio ระบบใหม่สำหรับ #Dek69
สำหรับปี TCAS69 สิ่งที่น้อง ๆ ต้องรู้เพิ่มเติมคือ มีระบบใหม่ที่ชื่อว่า TCASFolio ซึ่งจัดทำโดย ทปอ. (ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย) ระบบนี้เป็นพื้นที่กลางสำหรับให้นักเรียน ม.6 ทุกคนสามารถสร้างแฟ้มสะสมผลงานออนไลน์ได้ฟรีผ่านเว็บไซต์mytcas.com โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การคัดเลือกรอบพอร์ตมีความโปร่งใส เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และช่วยลดภาระของนักเรียนในการจัดทำเอกสารซ้ำซ้อน
จากข้อมูลของ ทปอ. ระบบ TCASFolio จะเปิดให้นักเรียนกรอกข้อมูลส่วนตัว ผลงาน และหลักฐานต่าง ๆ ลงในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งสามารถนำไปใช้สมัครในหลายมหาวิทยาลัยได้ทันที ช่วยให้การส่งพอร์ตง่ายขึ้นและลดความผิดพลาดในการยื่นเอกสาร
ดังนั้น #Dek69 ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำพอร์ตเองแบบซับซ้อนอีกต่อไป เพียงเข้าเว็บไซต์ mytcas.com ลงทะเบียน และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ก็สามารถสร้างพอร์ตออนไลน์ที่ดูดีและเป็นมาตรฐานได้แล้ว

การทุ่มเทเตรียมตัวรอบพอร์ตให้โดดเด่นคือการสร้างโอกาสที่ดีที่สุดในด่านแรก แต่การเตรียมตัวสำหรับรอบโควตาและ Admission ไปพร้อมกันก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะคะแนนสอบอย่าง TGAT/TPAT และ A-Level คือหัวใจสำคัญที่จะเพิ่มความได้เปรียบและเปิดประตูสู่คณะในฝันได้อีกหลายบาน
ที่ Applied Physics พร้อมอยู่เคียงข้างน้อง ๆ ในทุกช่วงของการเตรียมสอบ ด้วยคอร์สเรียนพิเศษออนไลน์ที่เข้มข้น เนื้อหาครอบคลุม เข้าใจง่าย และสอนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมถ่ายทอดเทคนิคการทำโจทย์ระดับเทพ เพื่อให้น้อง ๆ มีความพร้อมเต็มที่และมั่นใจก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้อย่างเหนือกว่าใคร
สอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนเพิ่มเติมได้ที่
โทร: 02-3060867, 02-3060868, 02-3060869, 085-4925599
LINE: @appliedphysics (มี @ ด้วยนะ)
ข้อมูลอ้างอิง
1. How To Build A Portfolio You Can Be Proud Of. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 จาก https://www.forbes.com/sites/jessicahagy/2017/05/26/how-to-build-a-portfolio-you-can-be-proud-of/.
