สรุปครบ ! โครงสร้าง TPAT3 และวิธีทำข้อสอบ พร้อมยื่น TCAS69
กำลังจะสอบ TPAT3 แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเริ่มอ่านตรงไหนดี ? น้อง ๆ DEK69 คนไหนที่วางแผนว่าอยากเรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม หรือเทคโนโลยีที่กำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ บทความนี้พร้อมเป็นตัวช่วย เพราะพี่ ๆ จะพาน้อง ๆ ไปทำความเข้าใจข้อสอบ TPAT3 แบบครบทุกมุม ทั้งโครงสร้าง ขอบเขตที่ออกสอบ เทคนิคการเตรียมตัว และแจกตัวอย่างข้อสอบ TPAT3 พร้อมเฉลยแบบละเอียดให้ได้ฝึกฝนกันแบบฟรี ๆ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วลุยสอบอย่างมั่นใจไปด้วยกัน !
ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่อ่านบทความนี้จบแล้วไฟลุก อยากเพิ่มความเป๊ะก่อนเข้าสู่สนามสอบ ก็สามารถเรียนคอร์สติว TPAT3 กับทาง Applied Physics ได้เลย
Table of Contents:
- TPAT3 คืออะไร ? สำคัญอย่างไรกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
- โครงสร้างข้อสอบ TPAT3
- รายละเอียดของแต่ละพาร์ท
• พาร์ท 1: การทดสอบความถนัด (Aptitude Test)
• พาร์ท 2: การทดสอบความคิดและความสนใจ - ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TPAT3 ใน TCAS69
- คะแนนสอบ TPAT3 อยู่ได้นานแค่ไหน ?
- เทคนิคเตรียมตัวสอบ TPAT3 ให้พร้อมทุกพาร์ท
1. หาข้อมูลคณะ / มหาวิทยาลัยที่อยากเข้า
2. ฝึกทำตัวอย่างข้อสอบ TPAT3 พร้อมเฉลย
3. ทบทวนพื้นฐานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้แม่น
4. วางแผนตารางอ่านหนังสืออย่างเป็นระบบ
5. เตรียมตัวสอบให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ - ตัวอย่างข้อสอบ TPAT3 พร้อมหลักการคิด

ข้อสอบ TPAT3 คืออะไร ? สำคัญแค่ไหนในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
TPAT3 (Thai Professional Aptitude Test กลุ่มที่ 3) คือข้อสอบวัดความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ เป็นข้อสอบกลางที่ออกแบบมาเพื่อใช้คัดกรองนักเรียนที่มีความสนใจและมีความสามารถในสาขาเหล่านี้ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ที่อยากเรียนต่อในคณะสายวิทย์-เทคโนฯ เช่น วิศวะ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ โลจิสติกส์ หรือแม้แต่ครุศาสตร์สายวิทยาศาสตร์ก็ใช้คะแนนนี้ได้เช่นกัน
โครงสร้างข้อสอบ TPAT3
TPAT3 แบ่งข้อสอบออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้
ส่วนที่ 1: การทดสอบความถนัด (Aptitude Test)
ส่วนนี้จะทดสอบความสามารถเชิงตรรกะและการคิดวิเคราะห์ มีทั้งหมด 45 ข้อ คะแนนเต็ม 60 คะแนน แบ่งเป็น 3 หัวข้อย่อย คือ
- ด้านตัวเลข (Numerical Reasoning) 15 ข้อ ได้ 20 คะแนน - ทดสอบการคำนวณและการคิดเชิงตัวเลข
- ด้านมิติสัมพันธ์ (Diagrammatic Reasoning) 15 ข้อ ได้ 20 คะแนน - ทดสอบการจินตนาการเชิงพื้นที่และการมองรูปทรงเรขาคณิต
- ด้านเชิงกล (Mechanical Reasoning) และฟิสิกส์ (Physics) 15 ข้อ ได้ 20 คะแนน - ทดสอบความเข้าใจหลักการทางกลศาสตร์และฟิสิกส์
ส่วนที่ 2: การทดสอบความคิดและความสนใจ
ในขณะที่ส่วนนี้จะวัดแนวทางการคิดและความสนใจของน้อง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชา มีทั้งหมด 25 ข้อ คะแนนเต็ม 40 คะแนน โดยแบ่งเป็น
- ความคิดเชิงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ 15 ข้อ ได้ 20 คะแนน
- ความสนใจข่าวสารความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ 10 ข้อ ได้ 20 คะแนน
จำนวนข้อและเวลาในการสอบ
ข้อสอบ TPAT3 เป็นข้อสอบปรนัย 5 ตัวเลือก รวมทั้งหมด 70 ข้อ คะแนนเต็ม 100 คะแนน ใช้เวลาสอบ 180 นาที (3 ชั่วโมง) ซึ่งน้อง ๆ จะต้องแบ่งเวลาให้เหมาะสมกับแต่ละส่วน
ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TPAT3 ใน TCAS69
- คณะวิศวกรรมศาสตร์
- คณะวิทยาศาสตร์
- คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
- คณะโลจิสติกส์
- คณะครุศาสตร์ (เอกวิทยาศาสตร์)
- คณะสิ่งแวดล้อม
- คณะอุตสาหกรรมเกษตร
- ฯลฯ
โดยแต่ละคณะจะกำหนดสัดส่วนคะแนน TPAT3 ที่แตกต่างกัน บางคณะใช้ 20% บางคณะใช้ถึง 30% ร่วมกับ TGAT และ A-Level ต่าง ๆ
คะแนนสอบ TPAT3 อยู่ได้กี่ปี ?
ข้อมูลสำคัญที่น้อง ๆ ต้องจำไว้คือคะแนน TPAT3 จะมีอายุการใช้งานเพียง 1 ปีเท่านั้น หมายความว่าถ้าน้อง ๆ สอบ TPAT3 ในปี 2568 ก็จะสามารถใช้คะแนนสมัคร TCAS69 ได้เท่านั้น หากต้องการสอบปีต่อไปจะต้องสมัครสอบใหม่ทั้งหมด ดังนั้น การวางแผนการสอบจึงสำคัญอย่างมาก
เทคนิคการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่สนามสอบ TPAT3
ใครที่ยังไม่เริ่มเตรียมตัวเลย ขอบอกว่าเริ่มต้นตอนนี้ก็ยังทัน แต่เพียงแค่วางแผนให้ดี ๆ และมีวินัยในการฝึกฝน โดยพี่ ๆ มีคำแนะนำมาฝาก 5 ข้อ ลองนำไปทำตามได้เลย1. หาข้อมูลคณะ / มหาวิทยาลัยที่อยากเข้า
ก่อนอ่านหนังสือ น้อง ๆ ควรรู้เป้าหมายตัวเองก่อนว่าอยากเข้าคณะอะไร มหาวิทยาลัยไหน เพราะแต่ละแห่งใช้สัดส่วนคะแนนไม่เท่ากัน บางที่อาจเน้น TPAT3 มาก บางที่เน้นข้อสอบ A-Level ถ้ารู้ก่อน จะได้วางแผนอ่านได้ตรงจุด2. ฝึกทำตัวอย่างข้อสอบ TPAT3 พร้อมเฉลย
อย่าเพิ่งท่องจำเยอะ ถ้ายังไม่รู้ว่าข้อสอบ TPAT3 จริง ๆ หน้าตาเป็นอย่างไร ควรฝึกทำตัวอย่างข้อสอบ TPAT3 พร้อมเฉลยย้อนหลังเยอะ ๆ จะช่วยให้คุ้นเคยกับรูปแบบโจทย์ ฝึกการตีความ วิเคราะห์ และจัดสรรเวลาได้ดีขึ้น แถมพาร์ทเชิงกลกับฟิสิกส์ยังต้องอาศัย “ภาพในหัว” ถ้าไม่ฝึกจะจับทางยากนะ3. ทบทวนพื้นฐานวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ให้แม่น
โดยเฉพาะสมการพื้นฐานของฟิสิกส์ กลศาสตร์ การเคลื่อนที่ แรง โมเมนตัม คณิตศาสตร์ควรแม่นเรื่องตรรกะ สมการ ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร และมิติสัมพันธ์ควรฝึกบ่อย ๆ จะช่วยให้เห็นภาพได้เร็วขึ้น4. วางแผนตารางอ่านหนังสืออย่างเป็นระบบ
แบ่งเวลาแต่ละวันให้ชัดว่าต้องอ่านพาร์ทไหนบ้าง สลับพาร์ทหนักกับพาร์ทเบา และเว้นช่วงพักบ้าง ขอแนะนำว่าให้มี “วันติวรวม” สัปดาห์ละครั้งไว้ทบทวนที่เรียนมาทั้งหมด จะช่วยจัดระบบความรู้ได้ดียิ่งขึ้น5. เตรียมตัวสอบให้พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
นอกจากความรู้ สิ่งที่ห้ามลืมคือสุขภาพ! ช่วงใกล้สอบ อย่านอนดึก อย่าเครียดเกินไป กินดี พักดี สำคัญมาก เพราะต่อให้เก่งแค่ไหน ถ้าร่างกายไม่ไหว วันสอบก็ไม่เวิร์กแน่ ๆตัวอย่างข้อสอบ TPAT3 พร้อมหลักการคิด
ข้อที่ 1
เฉลย: ข้อ ค
หลักการคิด: TPAT3 ตัวอย่างข้อสอบข้อนี้เกี่ยวกับทฤษฎีเปลือกโลกเคลื่อนที่ (Plate Tectonics Theory) อธิบายว่าแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เนื่องจากกระแสพาความร้อน (Convection Current) ในชั้นแมนเทิล
- แหล่งพลังงาน: ความร้อนจากแกนโลกและการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี
- กลไกการทำงาน: ชั้นแมนเทิลที่ร้อนกว่าจะลอยขึ้น ส่วนชั้นที่เย็นกว่าจะจมลง สร้างกระแสหมุนเวียน
- ผลที่ตามมา: กระแสนี้ดึงแผ่นเปลือกโลกให้เคลื่อนที่ ทำให้เกิดการชน แยก หรือเลื่อนผ่านกัน
ข้อที่ 2
เฉลย: ข้อ จ
หลักการคิด: ข้อนี้ต้องอาศัยความรู้ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรวจสอบข้อความแต่ละข้อ
การวิเคราะห์ทีละข้อ
ข้อ ก (ถูกต้อง): เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) เป็นผู้คิดค้นกฎการเคลื่อนที่ 3 ข้อ
- กฎข้อ 1: กฎความเฉื่อย (Law of Inertia)
- กฎข้อ 2: F = ma (แรง = มวล × ความเร่ง)
- กฎข้อ 3: กฎแรงปฏิกิริยา (Action-Reaction)
ข้อ ข (ถูกต้อง): ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) เขียนหนังสือ "On the Origin of Species by Means of Natural Selection" เผยแพร่ปี 1859 ซึ่งเป็นรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการ
ข้อ ค (ถูกต้อง): มารี คูรี (Marie Curie) ได้รับรางวัลโนเบล 2 ครั้ง
- ครั้งที่ 1 (1903): ฟิสิกส์ - เรื่องกัมมันตรังสี (ร่วมกับ Pierre Curie และ Henri Becquerel)
- ครั้งที่ 2 (1911): เคมี - การค้นพบธาตุ Radium และ Polonium
ข้อ ง (ถูกต้อง): สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ถูกปลดออกจาก Apple ปี 1985 หลังจากความขัดแย้งกับคณะกรรมการ และกลับมาเป็น CEO อีกครั้งปี 1997
ข้อ จ (ผิด): อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 1921 จากการอธิบายปรากฏการณ์โฟโตอิเล็กทริก (Photoelectric Effect) ไม่ใช่จากทฤษฎีสัมพัทธภาพ
ข้อผิดพลาดที่คนมักเข้าใจผิด: หลายคนคิดว่าไอน์สไตน์ได้รางวัลโนเบลจากทฤษฎีสัมพัทธภาพ (E=mc²) แต่จริง ๆ แล้วเป็นจากการอธิบายว่าแสงมีคุณสมบัติเป็นทั้งคลื่นและอนุภาค (Wave-Particle Duality)
ข้อ 3. ระบบคานโยก (Lever System)
จากรูป: ข้อสอบ TPAT3 ที่เป็นข้อสอบเก่า สมชายและสมศรี ช่วยกันยกของหนัก W โดยใช้เชือกผ่านรอก
- สมชายดึงเชือกทำมุม 45° กับแนวนอน (แรง TX)
- สมศรีดึงเชือกทำมุม 30° กับแนวนอน (แรง TY)
หลักการคิด: ใช้หลักการสมดุลโมเมนต์ (Equilibrium of Moments) และการแยกแรง (Force Resolution)
ขั้นตอนการแก้
- แยกแรงในแนวนอน:
- TX cos45° = TY cos30° (เพื่อสมดุลในแนว x)
- TX(√2/2) = TY(√3/2)
- TX = TY(√3/√2) = TY × √(3/2)
- แยกแรงในแนวตั้ง:
- TX sin45° + TY sin30° = W (เพื่อสมดุลในแนว y)
- TX(√2/2) + TY(1/2) = W
- แทนค่าและคำนวณ:
- เนื่องจาก √(3/2) > 1 ดังนั้น TX > TY
- สมชายต้องใช้แรงมากกว่าสมศรี
คำตอบ: ดังนั้น คำตอบจึงเป็นข้อ 3 สมชายออกแรงมากกว่าสมศรี
ข้อ 4. ลูกตุ้มแกว่ง (Pendulum)
จากรูป: ลูกตุ้มแกว่งไปมา โจทย์ถามเกี่ยวกับจุดที่ลูกตุ้มมีสมบัติต่าง ๆ
หลักการคิด: ใช้หลักการอนุรักษ์พลังงาน (Conservation of Energy)
การวิเคราะห์ในจุดต่าง ๆ:
- จุดสูงสุด (Amplitude):
- ความเร็ว = 0 (หยุดนิ่งชั่วขณะ)
- พลังงานจลน์ = 0 (KE = ½mv² = 0)
- พลังงานศักย์ = สูงสุด (PE = mgh = สูงสุด)
- จุดต่ำสุด (Lowest Point):
- ความเร็ว = สูงสุด
- พลังงานจลน์ = สูงสุด
- พลังงานศักย์ = ต่ำสุด (ถ้าให้เป็นจุดอ้างอิง h = 0)
- จุดกึ่งกลาง:
- มีทั้งพลังงานจลน์และศักย์
- ผลรวมพลังงานรวม = คงที่ (E = KE + PE = constant)
สรุป: เมื่อลูกตุ้มแกว่งถึงจุดสูงสุดทั้งสองข้าง พลังงานจลน์จะมีค่าน้อยที่สุด (เป็นศูนย์) และพลังงานศักย์จะมีค่ามากที่สุด
คำตอบ: ดังนั้น คำตอบจึงเป็นข้อ 3 ลูกตุ้มจะกลับมาไม่ถึงกำแพง
TPAT3 ไม่ใช่ข้อสอบที่ยากเกินเอื้อม เพียงแค่น้อง ๆ เข้าใจโครงสร้างของข้อสอบ และวางแผนเตรียมตัวให้ถูกทาง ก็สามารถทำคะแนนได้สบาย ๆ โดยสำหรับน้อง ๆ ที่ตั้งใจจะเข้าเรียนในคณะสายวิทย์ วิศวะ หรือเทคโนโลยี ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ Applied Physics ขอนำเสนอคอร์สติวออนไลน์ TPAT3 ที่มีการสรุปแนวข้อสอบ TPAT3 อย่างครบถ้วน พร้อมเทคนิคการจำสูตรที่นำไปประยุกต์ใช้ในข้อสอบได้จริง เพื่อให้น้อง ๆ เข้าเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ได้ตามที่ตั้งใจ อย่าพลาดโอกาสในการเตรียมตัวที่ดีที่สุดเพื่ออนาคตที่ฝันถึง ลงทะเบียนเรียนกับ Applied Physics วันนี้ เพื่อก้าวสู่เส้นทางวิชาชีพที่ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับเราได้เลย ! สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 02-3060867, 02-3060868, 02-3060869, 085-4925599 หรือ Line: @appliedphysics (มี @ นำหน้า)
ข้อมูลอ้างอิง
- TPAT3 30 ความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 จาก https://assets.mytcas.com/68/T68-COTMES-1.pdf